ผ่านไปแล้วกับทริปกรุงเทพฯ-หัวหิน 2554

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2554 ที่ผ่านมา ผม และสมาชิกชาวคลองรังสิต รวมถึงผู้ที่มีใจรักในการปั่นจักรยาน ได้มารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมอันยิ่งใหญ่ นั่นคือ โครงการปั่นจักรยานทางไกล เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสิริพระชนมายุครบ 84 พรรษา โดยในปีนี้มีสมาชิกมากถึง 1,500 ท่าน ถือเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ เส้นทางที่เราใช้คือ กรุงเทพฯ-หัวหิน รวมระยะทาง 180 กิโลเมตร

รายะเอียดแบบเต็มๆ ชมได้ที่นี่เลยครับ
http://thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=56&t=285454
http://thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=56&t=288264
http://thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=56&t=285478

ชาวคลองรังสิต ต้องขอขอบคุณรูปภาพจากเว็บ thaimtb.com และผู้ที่เสียสละเวลามาถ่ายภาพสวยๆ ของพวกเราชาวจักรยานด้วยครับ

การปรับแต่งรถจักรยานให้เหมาะกับตัวเรา

ในระยะแรกๆ เราคงเคยชินกับการขี่จักรยานแบบธรรมดา แต่เมื่อเราได้มาสัมผัสกับรถจักรยานที่มีสมรรถณะมากขึ้นแล้วนั้น การขับขี่แแบบเดิมนั้นจะถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องทันที วันนี้เราจะมาสอนวิธีการปรับแต่งรถจักรยานให้เหมาะสมกับตัวเรา อย่างง่ายๆ กันนะครับ

1. ความกว้างของแฮนด์

   โดยทั่วไปแล้วควรจะมีความกว้างเท่ากับความกว้างของหัวไหล่ตัวผู้ขับขี่เอง
   

2. ความยาวจากแฮนด์มาถึงปลายเบาะ

   มีวิธีวัดความยาวง่ายๆ โดยการวางข้อศอกเราติดกับปลายเบาะ แล้วยืดนิ้วตรงไปที่แฮนด์ ปลายนิ้วของผู้ขับขี่จะอยู่ประมาณกึ่งกลางของสเตม หรือห่างจากแฮนด์ 2-5 cm โดยประมาณ
   

3. ความสูงของเบาะ

   การวัดความสูงของเบาะ ให้ผู้ขับขี่ขึ้นไปนั่งบนจักรยานตามปกติ โดยขาข้างหนึ่งอาจเหยียบเก้าอี้ไว้กันรถล้ม แล้วขาอีกข้างก็เหยียดให้สุดโดยใช้ส้นเท้าวางบนบันไดปั่นจักรยาน ในตอนนี้ขาของเราจะตรึงพอดี ความสูงของเบาะที่ได้ก็คือความสูงของเบาะที่เหมาะกับตัวผู้ขับขี่นั่นเอง

เป็นอย่างไรบ้างครับ ไม่ยากใช่หรือเปล่าครับ อ่านแล้วก็อย่าลืมไปลองปรับแต่งรถจักรยานกันดูนะครับ แล้วจะพบว่ามันทำให้เราขับขี่รถจักรยานได้ดีขึ้นมากเลยทีเดียวครับ

ตัวอย่างการปรับแต่งจักรยานแบบละเอียดครับ

เตรียมตัวไปขี่จักรยานกันดีกว่า...

หลังจากที่ผมได้แนะนำเกี่ยวกับเรื่องของรถจักรยานไปแล้วนั้น คราวนี้ก็มีพูดถึงตัวผู้ขับขี่กันบ้างดีกว่า เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและ ต้องให้ความสนใจอย่างยิ่งไม่น้อยไปกว่าการปรับแต่งรถจักรยานเลย นั่นก็คือ เรื่องการแต่งตัวของผู้ขับขี่นั้นเอง

อุปกรณ์ขั้นพื้นฐานที่ต้องมี ได้แก่

1. หมวกกันน๊อก
2. ถุงมือ
3. รองเท้าผ้าใบ หรือ รองเท้าสำหรับใส่ขี่จักรยานโดยเฉพาะ
4. แว่นกันแดด
5. กระบอกน้ำ
   

ถ้าคุณมีครบ 5 อย่างนี้ก็ออกไปขี่จักรยานกันได้เลยครับ แต่ถ้าจะให้การขับขี่จักรยานนั้นสนุกสนานมากยิ่งขึ้นไปอีก สิ่งที่ควรจะมีไว้คือ

1. ชุดสำหรับขี่จักรยานโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแขนสั้น/ยาว และกางเกงขาสั้น/ยาว
2. ปลอกแขน หรือ ปลอกขา
3. กริ่งติดรถจักรยาน (ในกรณีที่ต้องปั่นในแหล่งชุมชน หรือมีรถยนต์วิ่งพลุกพล่าน)
4. ไฟหน้า และไฟท้าย (ในกรณีที่ต้องปั่นในยามค่ำคืน)
5. ชุดปะยาง หรือ ยางใน
   
6. ชุดเครื่องมือเล็กๆ ไว้แก้ไขรถจักรยาน
7. สูบแบบพกพา

และที่สำคัญอีกอย่างคือ เพื่อนที่จะไปปั่นด้วย ถ้ามีจะดีมากๆ เลยครับ สนุกกว่าการปั่นคนเดียวมากมายนัก

ชิ้นนี้เรียกว่าอะไรน้อ?

วันนี้มารู้จักกับอะไหล่จักรยานกันดีกว่า ว่ามันมีอะไรบ้าง ซึ่งผมจะแนะนำชิ้นหลักๆ ที่นักแต่งจักรยานส่วนมากนิยมไขว่คว้าหามาครอบครองกันนะครับ

1. เฟรม (Frame)
   

   ถ้าจะพูดถึงเฟรมในบ้านเรา ก็มีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกใช้กันแล้วครับ เช่น Cannondale, Bianchi, Specialized, Pricipia, Klein, Trek, Gary Fisher และ Merida เป็นต้น ซึ่งจริงๆ มีเยอะกว่านี้ครับ แบรนด์ต่างๆ เหล่านี้ก็มีจุดดีจุดด้อยแตกต่างกันไปขึ้นอยู่ว่า ใครจะเหมาะกับเฟรมขนาดเท่าไหร่ องศาของรถแบบไหน และวัสดุที่ใช้ในการขึ้นรูปเฟรมเป็นอะไร ยิ่งถ้าขึ้นรูปเฟรมด้วย Carbon แล้วล่ะก็ ราคาแพงเอาการเลยทีเดียวครับ ไม่ใช่เฉพาะแต่ Carbon นะครับ ยังมี Titanium, Maxnisium ฯลฯ ราคาแพงไม่ต่างกันเลยครับ
   

2. โช้ค (Fork)

   โช้คยอดนิยมในบ้านเรานั้น คงหนีไม่พ้น 3 ทหารเสือนี้แน่นอนครับ อันได้แก่ Sid, Fox และ Manitou ทั้ง 3 แบรนด์นี้ได้รับความนิยมสูงมากในบ้านเรา ใครที่เคยได้สัมผัสมาแล้วนั้น ต่างติดอกติดใจจนไม่อยากเปลี่ยนแทบทั้งนั้นครับ ของแบบนี้พูดไปคงไม่เชื่อ ผมว่าคงต้องหามาลองกันแล้วล่ะครับ
   

3. ชุดล้อ (Wheelset)

   ชุดล้อที่นักแต่งจักรยาน และนักแข่งส่วนมากนิยมใช้กันนั้นมีอยู่ 2 ประเภท คือ ล้อสำเร็จรูป และล้อประกอบ
   
   - ล้อสำเร็จรูป คือ ล้อที่ทำสำเร็จมาจากโรงงานเลย เนื้องานก็จะค่อนข้างเรียบร้อยกว่าการประกอบขึ้นใหม่โดยมือมนุษย์อย่างแน่นอน คุณภาพของล้อก็มีแต่ต่างกันไปตามรุ่นของล้อในแบรนด์นั้นๆ เช่น Fulcrum และ Mavic แต่ในเรื่องความสวยงานนั้นยอมรับว่ามีความสวยงามกว่าล้อประกอบพอสมควรครับ
   
   - ล้อประกอบ คือ ล้อที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกอะไหล่เพื่อนำมาขึ้นล้อได้เอง ประกอบด้วยอะไหล่ 3 ชิ้นได้แก่ ดุม, วงล้อ และ ซี่ลวด โดยอะไหล่ที่นิยมนำมาขึ้นล้อ ได้แก่ ดุม King, ดุม Tune, ดุม DT Swiss, ดุม XTR, ดุม A2Z, ขอบล้อ ZTR Olympic, ขอบล้อ Mavic 819, ขอบล้อ Mavic 717, ซี่ลวด DT Revo, ซี่ลวด DT Comp เป็นต้น
   

4. ชุดขับเคลื่อน (Group set)

   ในบ้านเรานั้น แบรนด์ของชุดขับเคลื่อนที่เป็นที่นิยมใช้กันมากได้แก่ Shimano (XTR, XT, SLX) , Sram (XX, XO, X9) ซึ่งที่กล่าวมานี้เป็นชุดขับเคลื่อนของรถจักรยานเสือภูเขานะครับ การใช้ชุดขับเคลื่อนที่ดี จะทำให้เราขับขี่รถจักรยานได้ไหลลื่นขึ้น เมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์ ก็จะไม่เกิดการติดขัด ไม่เสียจังหวะการขับขี่ในขณะนั้นๆ ไป จะเห็นผลได้ชัดเจนขึ้น ถ้าเราขี่รถจักรยานขึ้นเขา หรือในที่ๆ ต้องใช้การเปลี่ยนเกียร์ช่วยมากๆ
   

5. เบาะ (Saddle)

   ถ้าถามถึงเบาะว่าแบรนด์ไหนดีที่สุด นั่งแล้วไม่เจ็บก้นมากที่สุด คงไม่มีใครกล้าฟันธงลงไปเพราะ เบาะตัวนี้อาจเหมาะกับคนๆ หนึ่ง แต่อาจจะแย่สำหรับบางคนก็เป็นได้ มีทางเดียวที่จะรู้ได้คือ ต้องลองหามานั่งและลองปั่นดูสัก 10km ขึ้นไปครับถึงพอจะรู้ว่าเหมาะกับเราหรือไม่ ยิ่งปั่นนานยิ่งเห็นผลชัดเจนขึ้นนะครับ
   
   ส่วนแบรนด์ที่นิยมใช้กันก็จะมี Fi'zi:k, Selle Italia และ Prologo เป็นต้น
   

6. สเตม (Stem), แฮนด์ (Handlebar) และ หลักอาน (Seatpost)

   อุปกรณ์ทั้ง 3 ชนิดนี้โดยส่วนมากนักแต่งรถจะนิยมนำมาจากแบรนด์เดียวกันทั้งหมดเพื่อให้เข้าชุดกันนั่นเอง และแบรนด์ที่นิยมนำมาแต่งรถกัน ได้แค่ FSA, Control Tech, Easton และ Thomson
   

และนี่ก็เป็นชิ้นส่วนของรถจักรยานชิ้นหลักๆ ที่นักขี่จักรยานหลายท่านให้ความสนใจกันเป็นพิเศษ

จักรยานคันแรก

รถจักรยานคันแรกในชีวิตของแต่ละคนอาจได้มาในช่วงอายุที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับผมนั้น ได้มาหลังจากที่เรียนจบและเริ่มทำงานเป็นครั้งแรกในชีวิต ส่วนในขณะนั้นตัวผมเองยังไม่ได้หาข้อมูลกับรถจักรยานที่เหมาะกับตนเองเลย คิดแต่ว่ามีเงินแล้วเดินเข้าร้านไปถอยมาเลยดีกว่า

เวลาล่วงเลยไป 3 ปีผมก็ขี่ไปเรื่อยๆ ถึงไหนถึงกันจนได้มาร่วมกลุ่มกับนักจักรยานตัวจริง คอยเก็บความรู้ ข้อแนะนำ และประสบการณ์จากพี่ๆ เพื่อนๆ ในกลุ่ม หรือแม่แต่นอกกลุ่มก็ไม่มีใครที่ไม่เป็นมิตร ทุกๆ คนพร้อมที่จะเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นที่ปรึกษาได้เสมอๆ สิ่งนี้เรียกได้ว่ามิตรภาพจริงๆ ครับ และหลังจากที่ผมมีความรู้พอสมควรผมจึงได้รู้ว่ารถจักรยานที่ผมใช้อยู่นั้น มันไม่เหมาะกับผมเลยจริงๆ เนื่องด้วยสรีระร่างกายของแต่ละคนไม่เท่ากัน เช่นความสูง ความยาวแขน หรือ ขา ล้วนแล้วแต่มีผลต่อการเลือกขนาดของรถจักรยานทั้งสิ้น ผมจึงสรุปเป็นแนวทางสั้นๆ ให้ได้นำไปใช้กันดังนี้ครับ

ขั้นตอนการเลือกซื้อจักรยาน

1. ถามตัวเองว่าต้องการขี่จักรยานประเภทใดก่อน เช่น เสือภูเขา หรือ เสือหมอบ
   
2. เริ่มหาความรู้ในสิ่งที่เราได้เลือกไปจากข้อที่ 1
   
3. สำรวจงบประมาณตนเองว่ามีกำลังมากน้อยเพียงใด ที่ไม่ทำให้ตนเองเดือนร้อน
4. เดินทางไปตามร้านจักรยานต่างๆ เพื่อมองหารถจักรยานในประเภทที่ตนเองสนใจ
5. ลองคร่อมรถจักรยานดู ว่าเราเหมาะกับรถไซต์อะไร แล้วลองขี่วนไปมารอบๆ ร้านถ้าสามารถทำได้ (เป้ากางเกงควรห่างจากท่อบนของเฟรมอย่างน้อย 2 นิ้ว)
   
6. อย่าพึ่งซื้อจักรยานในทันทีเมื่อไปถึงร้านแรก ให้อดใจไว้ก่อน พยายามไปให้ครบทุกร้านที่ตั้งใจไว้
7. กลับมาวิเคาระห์ถึงความเหมาะสมอีกทีว่าเราเหมาะกับรถไซต์อะไร ยี่ห้อไหน (โดยยึดไซต์ของรถเป็นหลักก่อนเสมอ)
8. เวลาจะไปดู และซื้อรถจักรยานนั้น ควรหาผู้ที่มีความรู้ไปเป็นเพื่อนด้วยจะดีมาก
9. หลังจากที่ได้ข้อสรุปแล้วก็ซื้อเลยครับ แล้วชีวิตจะเจออะไรใหม่ๆ อีกอย่างไม่น่าเชื่อ

ปล. หากขณะนั้นรถจักรยานรุ่นที่เราต้องการเกิดของหมดพอดี ถ้าสามารถรอได้ก็ควรที่จะรอ เพราะการที่เราจะได้รถที่เหมาะกับเรานั้นมันไม่ช่ายเรื่องง่ายครับ...

แนะนำตัวผู้เขียน

สวัสดีครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการขี่จักรยานเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไม่ถึงขนาดเอาเข้าไปนอนกอดในมุ้งนะครับ อันนั้นก็ไม่ไหวครับ เกินไปหน่อย ย้อยไปเมื่อสมัยที่ผมเป็นเด็กน้อย ครั้งแรกที่ผมได้เห็น ได้รู้จักจักรยานเสือถูเขานั้น ก็สืบเนื่องมาจากการที่ผมได้เห็นชาวต่างชาติกลุ่มนึง ขี่จักรยานผ่านป้ายรถประจำทางที่ผมยืนรอรถอยู่ มันช่างเป็นภาพที่เท่ห์มากๆ ทุกคนมีความมุ่งมั่นที่จะพุ่งไปเบื้องหน้า ช่างเป็นภาพที่สวยสดงดงาม ติดตาผมจนมาถึงทุกวันนี้เลยครับ และนั่นคือการจุดประกายความรักในการขี่จักรยานของผมครับ